10 เครื่องมือช่างพื้นฐานที่ทุกบ้านต้องมี (สักวันจะได้ใช้มัน)

ไม่สำคัญว่าเราจะอายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร เพศอะไร หรือมีรายได้มากน้อยแค่ไหนเราทุกคนถ้ามีบ้านก็ควรจะมีเครื่องมือเครื่องใช้บางอย่างที่สามารถนำมาซ่อมบ้านหรือต่อเติมบ้านได้ ถ้าวันหนึ่งเกิดมีอะไรเล็กๆน้อยๆเสียขึ้นมาแล้วละก็จะสามารถซ่อมบ้านได้ด้วยตัวเองโดยที่จะไม่จำเป็นต้องเรียกช่าง 

ผมจะมาแนะนำ 10 เครื่องมือช่างพื้นฐานที่ทุกบ้านควรจะมีติดไว้ในบ้านเวลาที่เกิดมีอะไรเสียขึ้นมา

1.สว่าน

เวลาเรียกช่างมาบ้านเราจะเห็นช่างทุกคนมีสว่านติดไม้ติดมือกันมาเพราะมันเป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานที่จำเป็นในการทำงานหลายๆ แบบทั้งทำงานที่ต้องใช้ความสามารถสูง หรือถ้าเป็นงานเล็กๆมาก็สามารถทำให้งานนั้นเสร็จได้ไวกว่าเดิม จริงๆแล้วสว่านมีรูปแบบและยี่ห้อให้เลือกมากมาย แต่ถ้าแบบที่อยากจะแนะนำเลยก็อยากจะให้ซื้อเป็นสว่านแบบมีสายที่สามารถปรับเป็นแบบกระแทกได้ด้วย มันสามารถทั้งปรับความเร็วได้ สามารถใช้งานได้หลากหลาย สามารถใช้งานหนักก็ได้ กำลังวัตต์ที่แนะนำก็อยู่ที่ประมาณ 600-750 วัตต์ กำลังไฟฟ้าแค่นี้ก็เพียงพอ

ต่อการใช้งานเจาะแขวนกรอบรูป หรือเจาะเพื่อติดข้าวของไว้บนกำแพงได้ เวลาเราปรับรอบต่ำๆ สามารถใส่หัวไขควงใช้ขันน๊อตสกรูให้ด้วย

อีกหนึ่งอย่างที่เป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลยสำหรับสว่านรูปแบบนี้คือมันมีราคาไม่สูงที่ทุกบ้านสามารถมีไว้ใช้สักเครื่องในบ้านได้ แต่สำหรับใครที่อยากนำสว่านไปใช้งานนอกบ้านบ่อย หรือหาสว่านอีกสักเครื่องนึง ผมจะแนะนำเป็นสว่านแบบไร้สายเพราะมันสะดวกและใช้งานง่ายไม่ต้องหาที่ชาร์จเวลาต้องการอยากจะใช้งาน

2.ค้อนหงอน

มันเป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานอีกอย่างหนึ่งที่ทุกบ้านควรจะมีติดไว้ เพราะมันเอาไว้ใช้กับแทบทุกงานที่เกี่ยวกับการซ่อมบ้านหรือต่อเติมบ้าน ยิ่งคนที่ทำงานเกี่ยวกับงานไม้หรืองานประดิษฐ์ประดอยเฟอร์นิเจอร์ในบ้านแล้ว ค้อนหงอนมีความจำเป็นสำหรับใช้ในการทำงานทุกงาน จะตอกตะปู ตอกพุก ดึงตะปู หรือแก้ไขงาน ค้อนมีความจำเป็นทั้งสิ้น

เวลาที่เราจะเลือกค้อนสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือคุณภาพของค้อน พยายามอย่าใช้ค้อนที่ราคาถูกเกินไปเพราะส่วนใหญ่แล้วค้อนที่มีราคาถูกมากๆ เป็นค้อนที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่มีคุณภาพ ยิ่งเราซื้อมาใช้เองแล้วควรจะเลือกค้อนที่มีคุณภาพที่จะสามารถอยู่กับเราได้นานเป็นสิบๆปี สิ่งที่จะเอาเป็นเกณฑ์ในการเลือกค้อนมีอยู่ 2 อย่างอยู่ด้วยกัน

อย่างแรกเลยคือหัวค้อน  มันเป็นสิ่งที่ต้องดูก่อนอันดับแรกเพราะมันแทบจะเป็นหัวใจของค้อน หัวค้อนที่ใช้กันทั่วไปจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 16 ออนซ์จนถึง 20 ออนซ์ ถ้าเราเป็นคนที่ใช้ค้อนเพื่อมาตอกแขวนกรอบรูปหรือไม่ใช้ในการทำงานที่ต้องใช้แรงเยอะแค่ 16 ออนซ์ก็เพียงพอแล้วไม่ทำให้ค้อนมีน้ำหนักมากเกินไปด้วย ถ้าเราซื้อค้อนหงอนที่มีราคาถูกมากๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นค้อนที่ไม่ได้มาตรฐานในส่งผลให้เวลาเราไม่ใช้งานหัวค้อนจะบิ่นและแตกได้ง่าย เพราะว่าสิ่งที่คอนเอาไปตีมันมีความแข็งมากกว่าค้อนมันเลยทำให้ค้อนบิ่น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องซื้อของที่มีราคาสูงขึ้นมานิดนึงแต่เป็นค้อนที่มีคุณภาพ 

อีกหนึ่งอย่างที่อยากให้ดูไว้เวลาซื้อค้อนคือด้ามค้อน เวลาเราใช้ค้อนตอกงานต่างๆแรงสะเทือนที่เราตอกลงไปจะถูกส่งมาที่มือของเราด้วย ด้ามค้อนที่ต่างกันจะทำให้แรงสะเทือนที่ตอกถูกส่งมาที่มือเรามากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ไปทำด้ามค้อน ด้ามค้อนถูกสร้างมาจากวัสดุ 3 ชนิดด้วยกันคือเหล็ก ไม้ และไฟเบอร์ 

ด้ามค้อนที่ทำจากไม้ ช่วยลดแรงสะเทือนที่ถูกส่งมาที่มือเราได้ดี แต่มันมีข้อเสียที่เวลาต้องทำให้ด้ามค้อนที่เป็นไม้โดนน้ำโดนฝนนานๆ จะทำให้ด้ามค้อนเกิดราหรือมีกลิ่มเหม็น

ด้ามค้อนไฟเบอร์ ด้ามค้อนชนิดนี้ดูดซับแรงกระแทกไม่ดีเท่ากับด้ามค้อนที่เป็นไม้ แต่ข้อดีของมันเลยคือมีน้ำหนักที่เบาเหมาะกับผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิงหลายๆ คนที่ไม่อยากถือคนที่มีน้ำหนักมาก

ด้ามค้อนที่ทำจากเหล็ก ด้ามขวานแบบนี้จะเป็นด้ามที่แข็งแรงมากและมีน้ำหนักที่สมส่วนเมื่อเทียบกับหัวค้อน เหมาะกับคนที่ต้องการให้หัวค้อนกับด้ามค้อนมีน้ำหนักที่พอๆกัน แต่เป็นด้ามค้อนแบบนี้ที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้น้อย

3.ไขควง

ผมเชื่อว่าทุกคนเคยใช้ไขควงอย่างน้อย 2-3 ครั้งหนึ่งในชีวิตเป็นอะไรที่พอเดาได้ว่าทำไมมันถึงเป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานที่ทุกบ้านควรมี เราใช้ไขควงไขในทุกอย่าง แม้แต่บางทีเราซื้อเฟอร์นิเจอร์มาต่อเองเราก็ยังจะเป็นหยิบไขควงมาใช้ 

ไขควงมีหลักๆอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือแบบหัวแฉกกับหัวแบนแบบ หัวแบนใช้กับสกรูที่หัวเป็นขีด ระดับหัวแฉกใช้กับสกรูที่หัวเป็นแฉก ซึ่งจริงๆแล้วควรจะมีติดบ้านไว้ทั้ง 2 แบบเพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้ใช้แบบไหน หรือบางคนอาจจะเลือกใช้เป็นไขควงหัวสลับคือไขควงที่สามารถเปลี่ยนหัวจากหัวแฉกเป็นหัวแบนได้น่าคล่องตัวสำหรับใครหลายๆ คน 

เวลาหาซื้อไขควงควรเลือกซื้อที่มีราคาขึ้นมานิดนึงไขควงที่ไม่มีคุณภาพจะทำให้ไขสกรูออกมาไม่ได้ หรือถ้าอยากให้ใช้งานสะดวกกว่านั้นก็เลือกซื้อแบบที่หัวเป็นแม่เหล็กซึ่งเวลาเราใช้ก็แค่เอาสกรูแปะไว้ที่หัวไขควงมันจะดูดกับหัวไขควง ทำให้เวลาเราไขสามารถไขเข้าไปได้เลยโดยที่เราต้องจับสกรูเวลาไข

4.คีม

คีมจริงๆแล้วสามารถแยกประเภทออกมาได้เป็นสิบแบบ คีมปากแหลม คีมปากขยาย คีมล็อค คีมตัด คีมย้ำ และอีกหลายๆ คีมที่ผมยังไล่ชื่อไม่หมด ในความเป็นจริงเราก็ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกแบบที่มันมีให้เลือกในตลาดหรอกครับ คีมที่ผมอยากจะแนะนำให้ซื้อเป็นคีมที่ผมคิดว่าน่ามีโอกาสได้บ่อย เป็นคีมเอนกประสงค์ที่เราสามารถหยิบมาใช้ได้หลายรูปแบบใช้ยามจำเป็นอยู่ในวันที่เราไม่คาดคิดว่าเราจำเป็นต้องใช้มัน คีมตัวนี้ชื่อว่า “คีมปากจิ้งจก” 

คีมปากจิ้งจกสามารถใช้ทั้งตัด จับ บีบ หรือแม้แต่ช่วยเราออกแรงดึงวัสดุที่เล็กๆได้ เป็นครีมอเนกประสงค์ที่ใช้ได้ในหลายโอกาสมาก ถ้าจะเลือกครีมสักอย่างที่เก็บในบ้านผมมาว่าผมคิดน่าจะเหมาะที่สุดแล้วสรุปชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ต้องทำงานช่างทุกวัน แล้วแม่ถึงมันจะเป็นครีมที่สามารถทำได้หลายอย่างแต่ไม่ได้หมายความว่าราคามันจะสูงไปด้วย อันที่จริงราคาไม่ได้แพงอะไรเลย ผมขอแนะนำให้ซื้อยี่ห้อดีๆหน่อยละกันนะครับเพื่อที่มันจะได้อยู่กับเราไปนานๆ

5.ตลับเมตร

 ตลับเมตรก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ได้หลากหลายก็เราจะต้องใช้มันแน่ๆ ในวันหนึ่ง เราสามารถใช้ตลับเมตรวัดได้ทุกอย่างทั้ง วัดไม้ วัดห้อง เฟอร์นิเจอร์ หรือวัดพื้นที่ก่อนที่เราจะซื้อของมาวาง ตอนเราไปซื้อตลับเมตนในตลาดก็จะมีให้เลือกหลายแบบทั้งแบบ 3 เมตร 5 เมตร 10 เมตร 15 เมตร และยังมีอีก แล้วแต่ว่าเราอยากได้แบบไหน แต่ว่ายิ่งความยาวของตลับเมตรมันเยอะก็แปลว่าตลับเมตรยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นนะ 

ตลับเมตรบางยี่ห้อมีสเกลตัวเลขที่ใช้การวัดในการออกแบบด้วย และก็มียังตลับเมตรไฟฟ้าที่สามารถวัดระยะโดยไม่ต้องกางตลับเมตร คนเราส่วนใหญ่ไม่จำเป็นหรอกครับจำเป็นสำหรับช่างบางคนเท่านั้น ไม่มีตลับเมตรธรรมดาก็ถือว่าโอเคแล้วครับ

6.คัตเตอร์

หลายคนอาจจะสงสัยในข้อนี้ว่าคัตเตอร์ใช้งานช่างด้วยหรอ คำตอบคือใช้ครับมันก็ควรมีติดบ้านเราไว้ด้วย คัตเตอร์ใช้ในงานช่างหลายอย่าง ทั้งกีดไม้ กีดฝ้า ตัดเทป ทำสัญลักษณ์ไว้ที่ต่างๆ คัตเอร์ก็เป็นอีกหนึ่งในเครื่องมืออเนกประสงค์ของบรรดาช่างเพราะสามารถใช้น้ำมันตัดได้หลายอย่างและพกพาไปไหนก็ง่ายด้วย 

คัตเตอร์ก็แบ่งเป็น 2 แบบด้วยกันคือแบบเอียง 30 องศาและ 45 องศาขนาด 30 องศาจะต้องใช้สำหรับพวกงานที่ต้องเก็บรายละเอียดหรืองานที่ต้องใช้เข้าพื้นที่เล็กๆ จะสามารถเข้าพื้นที่แบบนั้นได้ง่าย แต่ข้อเสียของมันคือมันจะไม่ทนสักเท่าไหร่ และอีกอันนึงคือคัตเตอร์ 45 องศาเป็นเคาน์เตอร์ที่เราใช้ตัดกระดาษกันอยู่ทั่วไป คือคัตเตอร์ที่ใช้ส่วนใหญ่ที่เราเห็นแหละครับ ข้อดีของมันเลยคือมันใช้ได้หลายรูปแบบและทนทานกว่าคัตเตอร์ 30 องศา ยังมีคัตเตอร์อีกแบบที่หลายคนไม่ค่อยรู้จักกันคือคัตเตอร์สำหรับช่างโดยเฉพาะ คัตเตอร์พวกนี้มีใบมีดคมกริบและมีความทนทานมากแต่มันมีคนค้ำข้างจะสูง 

ถ้าให้ผมแนะนำผมว่าใช้คัตเตอร์ 45 องศาตัดกระดาษที่ใช้กันทั่วไปแหละครับ เพราะมันทนและมีราคาถูก คนเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความจำเป็นที่ต้องจ่ายเงินแพงเพื่อจะมาใช้คัตเตอร์งานช่างหรอกครับ ช่างหลายคนก็ใช้คัตเตอร์ธรรมดาๆ แบบนี้ มีติดบ้านไว้สักอันนะครับ

7.บันได 

เวลาเราทำอะไรที่อยู่สูงๆ แน่นอนว่าเราต้องมีบันได ตอนเปลี่ยนหลอดไฟเอย ปีนขึ้นไปดูหลังคารั่วเอย หรือว่าตัดกิ่งไม้อยู่สูง บันไดเป็นนั้นจำเป็นหมด บันไดมีให้เลือกด้วยกันหลายขนาดด้วยกัน ปกติแล้วเขาจะนับเป็นขั้นหรือเป็นฟุตแล้วแต่ว่าร้านค้านั้นจะนับยังไงแต่ท้ายที่สุดแล้วมันเหมือนกัน มันก็มีด้วยกันตั้งแต่ 3 ขั้น  4 ขั้น 5 ขั้น 6 ขั้น 7 ขั้นและมีต่อไปเรื่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้แปลว่ายิ่งขั้นเยอะยิ่งดีเสมอไป 

เวลาจะเลือกบันไดแล้วต้องวัดก่อนว่าที่ที่เราจะเอาไปใช้นั้นสูงแค่ไหนแล้วซื้อบันไดขนาดที่พอเหมาะกับที่เราจะเอาไปใช้  บันไดสูงเกินไปจะทำให้เกะกะเปล่าๆ  แถมเวลายกยังหนักอีกด้วย แต่ก็ไม่ควรซื้อบันไดที่ต่ำเกินไปด้วย


จริงๆแล้วชั้นบนสุดของบันไดไม่ควรเอาไว้ใช้ยืนแต่ควรเอาไว้วางเครื่องไม้เครื่องมือที่เราจะเอาไปใช้เพราะยืนบนนั้นอันตรายมากทั้งไม่แข็งแรงและมีโอกาสล้มได้ง่าย ควรยืนประมาณ 2-3 ขั้นลงมาจากชั้นบนสุดเพื่อที่จะได้ไม่อันตรายเกินไป เพราะฉะนั้นเวลาตอนไปซื้อบันไดต้องดูว่า พื้นที่เราสูงแค่ไหนเอาบันไดกี่ขั้นถึงเราจะไม่จำเป็นต้องยืนชั้นบนสุดเวลาซ่อมบ้าน 

ปกติแล้ววัสดุที่ค่อยใช้ทำบันไดก็มีเป็นเหล็กกับอลูมิเนียม ถ้าใช้ในบ้านผมแนะนำให้ใช้ บันไดที่ทำจากอลูมิเนียมจะดีกว่าเพราะมีน้ำหนักเบาสามารถยกไปไหนได้ง่ายคนที่ไม่มีแรงเยอะก็สามารถยกได้ ที่ขาของบันไดควรจะมียางหุ้มอยู่ทั้ง 4 ขาเพื่อที่จะได้กันแม่บันไดลื่นเวลาเราใช้บันไดหากอยากให้ดีกว่านั้นให้ใช้บันไดที่มีไฟเบอร์กลาสหุ้มอยู่ทั้ง 4 ขาซึ่งมันจะไม่ใช่แค่กันลื่นอย่างเดียวแต่มันจะสามารถกันไฟฟ้าลงดินให้ด้วยเวลาที่ไฟช็อต 

8.พุกและสกรู

อันนี้เป็นตัวเลือกเสริมแต่ผมคิดว่ามีติดบ้านไว้ดีกว่า พูดกับสกรูเป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ได้หลากหลายมากในบ้าน ติดกรอบรูป แขวนนาฬิกา แขวนชั้นวางของ ทำชั้นหนังสือ ละก็ยังใช้ได้อีกมากมาย ผมเลยมองว่าถ้ามีติดบ้านไว้มันน่าจะสามารถใช้ต่อเติมหรือตกแต่งหลายอย่างให้ได้อีกเยอะ พุกนั้นจะมีอยู่ 2 แบบคือพุกพลาสติกและพุกเหล็ก พุกพลาสติกมีขนาดที่เบา มีราคาถูก สามารถต่อเข้าไปในกำแพงได้ง่าย พุกเหล็กจะมีน้ำหนักที่มากกว่า แพงกว่า มันสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าพุกพลาสติก เหมาะกับใช้กลางแจ้ง ผมแนะนำให้ซื้อเป็นพุกพลาสติกที่ใช้กับคอนกรีต เพราะมันมีราคาถูกและใช้ง่ายกว่าพุกเหล็ก และผมเชื่อว่าพวกเราส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้พุกเหล็กด้วย ที่นี้มาถึงสกรูเอาเข้าจริงๆ สกรูมีขนาดหลายสิบขนาด แต่ที่อยากให้มีติดบ้านคือคือ เบอร์ 6 หรือเบอร์ 7 ความยาวประมาณ 6 หุนหรือ 1 นิ้ว ซึ่งมันไม่ยาวเกินไปและเหมาะกับการใช้ได้กับงานเล็กๆน้อยๆภายในบ้านหลายงาน

9.ไฟฉาย

เป็นสิ่งที่อย่างที่ทุกบ้านต้องมีต่อให้จะแทบไม่ทำงานช่างเลยผมก็แนะนำให้มีไฟฉายติดบ้านไว้อยู่ดี เอาไฟฉายสามารถใช้ได้หลากหลายมากทั้งเวลาตอนฉุกเฉินเวลาที่ไฟดับ ใช้หาของในที่มืดๆ ใช้ส่องทางในเวลากลางคืน ใช้ซ่อมบ้านในพื้นที่ที่แสงเขาไปไม่ถึง เราใช้ได้ในทุกเรื่องไม่ใช่แค่เรื่องซ่อมบ้าน ไฟฉายที่ผลิตออกมาก็มีไฟฉายที่สำหรับผู้ใช้ตามบ้านทั่วไป ไฟฉายแรงสูงที่มีความสว่างของไฟค่อนข้างมาก และมีแสงหลากสีให้เลือก ถ้าเราไม่ได้เอาไฟฉายไปใช้ในป่าหรือไปใช้ในที่มืดที่ต้องการความสว่างมากๆ จริงๆ ผมแนะนำให้ใช้ไฟฉายธรรมดานี่แหละครับโอเคแล้ว ช่างส่วนใหญ่ของฉันก็ใช้ประมาณนี้แหละครับ แต่ว่าแสงไฟผมแนะนำมาใช้เป็นแสงสีขาวมันจะสามารถทำงานได้ง่ายมองเห็นอะไรชัดเจนเวลาที่มืด

10.ถุงมือช่าง 

นี่ก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่หลายคนละเลย ถุงมือมีประโยชน์มากในการทำงานช่างเพราะมันจะช่วยป้องกันมือเราจากการโดนสิ่งมีคมหรือสารเคมีที่จะมาโดนมือเราต้องทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายเรา ไม่ใช่แค่งานช่างแม้แต่การทำความสะอาดบางอย่างก็ควรใส่ถุงมือเพื่อนกันสารเคมีถูกมือเรา ถุงมือเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆในการทำงานช่าง ถุงมือทำมาจากวัสดุ 3 แบบด้วยกัน ถุงมือผ้า ถุงมือยาง ถุงมือ pu

ถุงมือผ้าเป็นถุงมือที่สามารถนำมาใช้ได้ในหลายอย่าง ทั้งงานไม้ ทาสีบ้าน ซ่อมไฟ มือผ้าสามารถกันกันเศษไม้ กันไฟฟ้าช็อต หรือการสารเคมีได้ในเบื้องต้นและสามารถป้องกันการขูดขีดของวัตถุมีคมได้บ้าง 

อย่างต่อไปคือถุงมือยาง เป็นถุงมือที่เหมาะกับงานทาสีหรืองานที่จะโดนสารเคมีเพราะมันสามารถกันได้แทบทั้งหมดเลย เว้นแต่ว่าสารเคมีตัวนั้นจึงมีฤทธิ์ในการสามารถกัดถุงมือยางของเราเข้ามาได้ 

สุดท้ายคือถุงมือ pu เหมาะกับใช้ในงานไฟฟ้าเพราะสามารถกันไฟฟ้าสถิตได้ดีแล้วเวลาใส่ไปมันจะพอดีมือเลย ถ้าจะมีติดบ้านไว้บ้างผมแนะนำให้มีเป็นถุงมือยางไม่ก็ถุงมือ pu เพราะมันจะครอบคลุมมากกว่าถุงมือผ้าที่สามารถกันได้เบื่องต้นเท่านั้น แต่ถุงมือยางกับถุงมือ pu กันได้แทบจะทั้งหมดเลยและสามารถใช้ได้หลากหลายกว่าด้วยครับ